วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปริศนาธรรม 3 ประการ จากพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช


พระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)จักรพรรดิผู้รุกรบชนะไปครึ่งค่อนโลก ก่อนจะสิ้นพระชนม์ได้โปรดให้ข้าราชบริพารเข้าเฝ้าโดยรับสั่งให้ทำพินัยกรรมเป็นปริศนาธรรม 3 ข้อ คือ


  1. ในงานศพของข้าพเจ้า ขอให้นายแพทย์เป็นผู้แบกโลงศพ
  2. ขอให้นำเอาทรัพย์สมบัติประดามีที่ข้าพเจ้าไปตีชิงมาได้จากบ้านน้อยเมืองใหญ่ทั้งหมด หว่านโปรยตลอดเส้นทางที่แห่ศพข้าพเจ้าไปยังเชิงตะกอน
  3. ขอให้เอามือของข้าพเจ้าโผล่ออกมานอกโลงทั้งสองข้างในอิริยาบถแบมือ


เมื่อมหาดเล็กได้ยินดังนั้นก็สงสัย จึงทูลถามถึงเหตุผล พระองค์ก็ทรงอธิบายว่า

• ประการแรก
ที่เราขอให้แพทย์เป็นผู้แบกโลงศพของเรานั้น ก็เพราะเราต้องการจะบอกอนุชนรุ่นหลังว่า
"สุขภาพเป็นสิ่งที่เราจะต้องดูแลเอง ต่อให้มีหมอเทวดาเป็นหมอประจำตัว สุดท้ายก็ไม่มีหมอคนไหนยื้อชีวิตของท่านไว้ได้"
ดังนั้น...โปรดอย่าวางใจว่ามีหมอที่ดีที่สุดอยู่ใกล้มือ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องของเราทุกคน เราจะต้องลุกขึ้นมาตระหนักรู้ แล้วดูแลอย่างดีที่สุดก่อนจะถึงมือหมอ
(Note : ตอนที่พระองค์สิ้นพระชนม์ มีพระชันษาแค่ 33 เท่านั้น... เพราะมัวแต่รบทัพจับศึก ไม่ได้ดูแลสุขภาพ เก่งแค่ไหนก็อายุไม่ยืน)

• ประการที่สอง
ที่เราให้หว่านโปรยทรัพย์สินประดามีที่เราไปตีเอามาได้จากบ้านน้อยเมืองใหญ่ครึ่งค่อนโลกนั้น ก็เพื่อจะเตือนคนที่อยู่ข้างหลังว่า
"ทรัพย์สินทั้งหลายนั้น สุดท้ายต้องส่งคืนโลกหมด ครอบครองไว้ไม่ได้ สรรพสิ่งคือของใช้ อย่าเข้าใจว่าเป็นของฉัน"
ฉะนั้น... หาเท่าที่จำเป็นจะต้องใช้ อย่าครอบครองมากมายจนกองสูงดังภูเขาเลากา เพราะวันหนึ่งก็ต้องทิ้งสิ่งนั้นไปทั้งหมด   อย่าทำตัวเป็นพวกบ้าหอบฟาง หาเงินหาทองมาสะสม เสมือนหนึ่งตัวเองจะมีอายุอยู่กินอยู่ใช้ไปสักแปดหมื่นสี่พันปี ทั้ง ๆ ที่ในความจริง มนุษย์เราทั้งหลายอายุเฉลี่ยเต็มที่แค่ 100 ปีเท่านั้นเอง  เราจึงไม่ควรจะหมกมุ่น ไม่ควรจะมัวเมา ตกเป็นทาสของ "ยศ-ทรัพย์-อำนาจ" จนหลงลืมแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต

• ประการที่สาม
ที่ให้เอามือของเราแบออกไปนอกโลงศพนั้นก็เพื่อที่จะบอกว่า...
"เมื่อตอนที่เราเกิดมานั้น เราร้องไห้จ้าและกำมือแน่น หมายมั่นปั่นมือว่าจะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง กำโน่น กำนี่ สารพัดที่จะกำ ยศก็กำ ทรัพย์ก็กำ อำนาจก็กำ กิน กาม เกียรติ เรากำทุกสิ่ง ครอบงำเอาไว้ทั้งหมดทั้งสิ้น  แต่ท้ายที่สุด แม้แต่ลมหายใจซึ่งบางเบาที่สุดและแทบไม่กินพื้นที่ ก็ไม่มีใครกำเอาไว้ได้ สุดท้ายก็ต้องแบ ต้องปล่อย"

(ถึงเราไม่ปล่อย ธรรมชาติก็จะทำให้เราปล่อยโดยอัตโนมัติ ฉะนั้น... เมื่อยังมีชีวิตอยู่ แทนที่จะกำจนแน่น จงแบ่งซะ ปันซะ ให้ซะ แล้วบุญกุศลเหล่านั้นจะเป็นทรัพย์สมบัติติดตัวเราไป)พวกสูเจ้า และทื่อ้างว่า จบการศึกษาสูง หรือชนชั้นสูง พวกสูเจ้าก็กินข้าว ไม่ได้กินเหล็ก พวกเจ้าก็ตาย เหตุฉะไหน ถึงเอาเปรียบคนที่ด้อยกว่าทางฐานะทางเศรษฐกิจหรืออาชีพ และเวรกรรม บาปอันมหันต์จะมาเยือนพวกเหล่านี้

• บทสรุป

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า... ถ้าไฟไหม้บ้าน ทรัพย์สินสิ่งใดที่เจ้าของหยิบฉวยวิ่งหนีออกจากบ้านที่ไฟกำลังไหม้ นั่นคือ `ทรัพย์สินที่แท้จริง´ ของเขา    ส่วนทรัพย์สินมากมายที่กองอยู่ในบ้านแล้วขนออกมาไม่ได้ จะต้องถูกไฟไหม้ทั้งหมด

ฉันใดก็ฉันนั้น... ก่อนที่เราจะตายทรัพย์สินทั้งหมดที่เราไม่เคยนำมาแปรรูป ไม่เคย `เปลี่ยนทุนเป็นธรรม´เลย ทรัพย์สินเหล่านั้นจะสูญเปล่าเหมือนทรัพย์ที่ถูกไฟไหม้

ปริศนาธรรมจากพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช ทั้ง 3 ประการนี้ สอดคล้องกับธรรมะเรื่อง "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" ... ธรรมทั้งหลายทั้งปวงอันบุคคลไม่ควร ยึด-ติด-มั่น สลายชนชั้น ให้มองมนุษย์ เท่าเทียมกัน เพราะทื่สุด ต้องตายกันหมด เพราะฉะนั่น ต้องเมตตา เอื้ออาทร ทําดีด่อกัน ละชั่ว กระทําความดี ทําจิตใจให้ผ่องใส

Credit : ท่าน ว. วชิรเมธี | นิตยสาร Secret ฉบับที่ 129 (10 พ.ย. 2556)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น