วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กรรมของคนกินเนื้อหมา

Nattawut-LSV Team:

เรื่องราวนี้เป็นของสุภาพบุรุษท่านหนึ่งในจังหวัดนครพนมท่านได้เล่าให้ฟังดังนี้.......

คนสกลนครหรือคนในจังหวัดใกล้เคียงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเนื้อสวรรค์เพราะมันจัดเป็นอาหารพิเศษสุดของคนที่นี้กันเลยทีเดียวและเนื้อที่ใช้ทำก็ไม่ใช่อะไรอื่น เนื้อสุนัขดี ๆ นี้เอง



การกินเนื้อสุนัขนั้น ริเริ่มโดยชาวญวนอพยพมาจากฝั่งลาวรวมถึงคนจีนด้วย โดยเขาจะกินเฉพาะฤดูหนาวเพียงครั้งเดียว ด้วยเชื่อว่าเนื้อสุนัขสามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ และสุนัขที่นำมากินต้องสีดำล้วน ๆที่ผ่านการเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่ใช้สุนัขตาดำ ๆ ทั่วไปที่คนแถบอีสาน หรือที่ จ .สกลนครกินกัน

ผมเป็นคนจังหวัดนครพนม ที่นี้ก็มีการกินเนื้อสุนัขบ้างแต่ไม่เอิกเกริกถึงกับเปิดเป็นร้านอาหารใหญ่โตเหมือนกับจังหวัดสกลนครและไม่รู้ว่าการเปิบเนื้อสวรรค์นี้จะขยับขยายเข้าไปถึงจังหวัดที่ผมอยู่หรือเปล่าถ้าเป็นแต่แต่ก่อนก็ไม่คิดอะไรดอก เพราะเห็นว่ามันเป็นอาชีพสุจริตที่ใคร ๆ ก็ทำได้แต่เดี๋ยวนี้ผมได้แต่ภาวนาว่าขออย่าได้คืบคลานเข้ามาเลยเพราะไม่อยากเห็นใครต้องมาชดใช้กรรมอย่างที่ผมเห็นมากับตาตัวเองเลย

เรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ เดิมทีผมทำอาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไปฐานะก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ลูกเมียก็อยู่อย่างเรียบง่าย เสร็จจากหน้านาก็ทอผ้าเป็นรายได้เสริมให้ครอบครัว ครอบครัวเราก็เป็นปกติดีกระทั่ง 3 ปีที่แล้วผมได้รับจดหมายจากพี่ชาย ชวนให้ไปทำธุรกิจที่กำลังจะขยายโครงการออกไปใจจริงส่วนตัวเองก็ไม่เดือดร้อน แต่ก็อยากได้เงินสักก้อนเก็บไว้ส่งให้ลูกเรียน สูงๆ เผื่อจะได้ฝากผีฝากไข้ในอนาคต ส่วนพี่ชายเดิมก็มีอาชีพอย่างผมนี้แหละแต่หลังจากแต่งเมียแล้วก็ย้ายไปสกลนครเผอิญเจอพรรคพวกที่มีธุรกิจทำร้านอาหารเนื้อสวรรค์เลยชวนไปประกอบธุรกิจโดยพี่ชายเป็นคนจัดหาเนื้อสุนัขมาส่งให้ที่ร้าน

ตั้งแต่ผมตกลงใจมาพี่ชายและผมก็ช่วยกันหาเนื้อสุนัขไปส่งที่ร้านที่พรรคพวกเขาทำอยู่และก็ขยายไปที่ร้านอื่นๆ ในละแวกนั้นด้วยอีกหลายร้าน รายได้ก็งามทีเดียว พี่ชายผมเองทำธุรกิจนี้มาถึง 5 ปีแล้วก่อนที่ผมจะมา เริ่มจากการตระเวนจับสุนัขจรจัดมาชำแหละ นานเข้าก็เริ่มหายากก็ต้องตระเวนขอซื้อตามหมู่บ้านหรือไม่ก็แอบจับตามวัดวาที่มีสุนัขจรจัดอาศัยอยู่เยอะ ๆผมเองถูกมอบหมายหน้าที่ให้เป็นผู้ขับรถตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ บางทีแค่ 3 วันบางทีก็เป็นอาทิตย์ ถึงจะได้สุนัขเต็มท้ายกระบะแล้วนำมาขุนไว้ในคอกเพื่อรอเวลาชำแหละไม่ก็ส่งขายเป็น ๆ เลย

ที่บ้านพี่ชาย พื้นที่รอบ ๆที่ว่างยังเป็นโรงฆ่าสัตว์ขนาดย่อม ๆ สำหรับทำหน้าที่ชำแหละแยกชิ้นส่วนไปขายผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเพชรฆาตแต่ละวันตลอด 7 - 8 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ใช้ใครอื่นพี่ชายและสหายรู้ใจอีก 3 คน วันใดหากผมอยู่บ้านไม่ได้ตระเวนไปหาสุนัขหลังเที่ยงคืนทุกวัน จะได้ยินเสียงสุนัขที่ถูกเชือดร้องโหยหวนเป็นที่เวทนาแทบทุกคืน แรก ๆ ผมถึงกับนอนไม่หลับเพราะทำใจไม่ได้แต่หลังจากนั้นผมก็หาทางแก้โดยดื่มเหล้าให้เมาจะได้หลับไปเลย ไม่ต้องคิดอะไรมากในความรู้สึกลึก ๆ บอกตรง ๆ เลยว่า ไม่ค่อยชอบอาชีพนี้สักเท่าไรแม้ว่ารายได้จะดีมาก แต่ลองใจไม่ชอบยังไงมันก็ชอบไม่ได้ก็กะว่าเก็บเงินได้สักก้อนแล้วจะเลิกกลับไปอยู่กับไร่นาที่บ้านดีกว่าอยู่กับลูกเมีย ได้ยันเสียงหัวเราะ ผิดกับที่นี้มีแต่เสียงโหยหวนและกลิ่นคาวเลือดผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่ชายแกทนทำอยู่ได้อย่างไรตั้ง 8 ปี ผมก็เลยลองถามไปว่าไม่นึกสงสารหรือคิดว่ามันเป็นบาปบ้างหรือที่ต้องฆ่าสุนัขวันละหลายสิบตัวเขากลับหัวเราะแล้วเอ็ดตะโรผมว่า คิดอะไรวะไม่เข้าท่าไม่เห็นเหรอว่าไอ้สุนัขพวกนี้มันทำเงินให้วัน ๆ เท่าไหร่ จะมานั่งคิดบาปบุญกันทำไมแล้วไอ้การฆ่าสุนัข ถามหน่อยเถอะ มันจะต่างอะไรกับการฆ่าหมู ฆ่าวัว ฆ่าปลาวะมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่เห็นมีใครกลัวบาปสักกะคนเดียว เห็นมีแต่รวยเอา ๆนั่นแหละไม่ว่า

คิด ๆ ไป คำพูดของพี่ชายผมก็มีส่วนถูกจริงอยู่เหมือนกันเพราะพวกที่เป็นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ส่วนใหญ่ก็รวย ๆ กันทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครจนสักคนหรือว่าผมคิดมากไปเอง แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ไอ้เสียงโหยหวนของมันเสียงร้องยามถูกเชือด มันบาดตาบาดใจผมเหลือเกินตอนที่ไปเอามันออกมาจากอ้อมอกของเจ้าของ ซึ่งเขาก็รู้ว่าเราจะเอาไปทำอะไรสุนัขแต่ละตัวเหมือนจะรู้ชะตา ดิ้นหนีทุรนทุราย ทุกรายบางตัวขึ้นมาอยู่บนรถแล้วยังวิ่งพล่านกระโดดชนโครงเหล็กข้างรถ หัวหูแตกเลือดอาบก็มี พอถึงตอนจะลงจากรถสายตามันจ้องมองดูผมยังกะว่าจะอาฆาตจองเวรผมไว้อีก อย่าให้ถึงทีพวกมันบ้างก็แล้วกันยิ่งได้เห็นพวกเพื่อนมันถูกจับมัดขาดิ้นรนหนีมีดอันคมกริบที่กำลังจะบาดลึกลงไปในบริเวณคอ กระทั่งเลือดสด ๆกระฉูดออกจากตัวจนแทบจะหมดนั่นแหละถึงจะหยุดดิ้น แล้วกระตุก สัก 2- 3 ทีก่อนจะตายอย่างน่าเวทนา แทบทุกตัวเวลาตายตานี้จะเหลือกโพลงจ้องมายังคนเชือดแทบถลนเล่นเอาลูกผู้ชายอย่างผมถึงกับเขาอ่อนเลยทีเดียว


เป็นไง ? ไอ้น้องอยากจะลองเชือดดูบ้างไหมวะ ? ลองสักตัวซีแล้วจะติดใจ ฮ่า... ฮ่า... ฮ่า...
พี่ชายสัพยอก ที่เห็นอาการเบ้หน้าของผม “
ไม่ดีกว่า ไปล่ะจะไปหาเหล้ากรอกปากสักอึกแก้คลื่นไส้
โธ่...ทำเป็นใจเสาะเป็นปลาซิวไปได้ ฮ่า ๆๆ ”

ผมได้ยินพี่ชายหัวเราะตามหลัง พร้อม ๆ กับเสียงโหยหวนของสุนัขอีกหลายตัวที่ถูกเชือดรายต่อไป ภาพที่เห็น เสียงร้องที่ได้ยิน แม้จะบาดตาบาดใจบาดหูแค่ไหนก็ยากจะเปลี่ยนแปลงไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ ก็ได้แต่ภาวนาในใจแอบแผ่เมตตาไปให้กับพวกมันบ้างบางเวลาส่วนตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบาปบุญมันจะมีจริงไหมผลบุญจะส่งมันไปสู่สุคติได้จริงหรือเปล่าหรือแม้ตัวผมเองจะต้องชดใช้กรรมที่ทำลงไปอย่างไรบ้าง

หลังจากที่คลางแคลงใจอยู่นานผมก็ได้รู้และมั่นใจแล้วครับว่ากรรมมีจริงซึ่งกว่าจะรู้ก็ทำงานอยู่กับเขาถึง 3 ปี กะว่าหน้าฝนจะกลับบ้านแล้ว ไม่เอาแล้วเพราะอยู่ที่นี่ นานเข้ายิ่งขาดความสุข พี่ผมเองเขาคงไม่รู้ตัวนับวันเริ่มมีพฤติกรรมเหมือนคนบ้าขึ้นเรื่อย ๆ ที่บ้าเห็น ๆ ก็บ้าเงินและบ้าฆ่าเอาแต่นั่งนับเงินแล้วก็วางแผนจ้องจะฆ่าต่อไปนัยน์ตาลุกพองเหมือนสัตว์ร้ายที่จ้องจะขย้ำเหยื่อจนลูกเมียแม้แต่ผมเองก็เข้าหน้าไม่ติดจะด้วยเหตุผลนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ลูกเมียของเขาเลยแยกแตกไปคนละทิศละทางเมียติดพนัน แล้วก็ไปมีชู้ ลูกสาว 2 คน 17 กับ 15ปี หนีเรียนจนถูกไล่ออกพี่ชายผมนะเหรอจะไปรู้อะไร วัน ๆ จะมีอะไรนอกจากฆ่าแล้วก็เงิน

กิจวัตรของพี่ชาย ก็เริ่มประมาณ เที่ยงคืนโดยจะลุกมาตรวจตราดูว่าจะฆ่าตัวไหน จากนั้นประมาณตี 2 เสียงโหยหวนก็เริ่มบรรเลงขึ้นพร้อม ๆกับเสียงเห่ากันระงมของเพื่อนสุนัขด้วยกันที่เห็นเพื่อนตนถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตาตะเบ็งเสียงไม่เป็นอันหลับอันนอน จนปาเข้าตี 4 - 5 เสียงจึงจะเงียบเพราะเป็นเวลาชำแหละ และนำเนื้อออกสู่ตลาด ประมาณ 8 - 9 โมงแล้วเขาก็หลับตื่นอีกทีก็เย็น ๆ จากนั้นก็ดื่มเหล้านั่งวางแผนฆ่ากับเพื่อนรู้ใจอีก 3 คนไปจนกว่าจะได้เวลาเชือด ชีวิตเขาก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รับรู้และสนใจว่าใครจะเป็นอย่างไรแม้กับผมเองระยะหลังก็แทบจะไม่ค่อยได้คุยกันแล้วจะพูดจะคุยก็แค่ตอนเอาสุนัขมาส่งให้ หรือว่าเขาลืมไปแล้วว่าผมเป็นน้องหรือจะพูดให้ถูก คือเขาลืมหมดแล้วความรู้สึกอื่น ๆ ที่มนุษย์พึงมี เช่น รัก เศร้าเหงา ห่วงหาอาทร ที่สำคัญคือความเมตตาปราณี เหลืออยู่ก็แต่ความกระหายที่มีต่อเลือดการฆ่า และเงินเท่านั้น

และแล้ววันที่เพชฌฆาตอย่างพี่ชายผมต้องรับกรรมก็มาถึงคือขณะที่แกกำลังเดินเลือกหาสุนัขเหมือนทุกวันจากนั้นก็ไปจับออกมาทีหลังตัวเอามาขังไว้ต่างหากระหว่างจับนั้นเองแกถูกสุนัขตัวหนึ่งกระโจนเข้าขย้ำ แถมโดนตัวอื่นรุมสกรัมกว่าจะห้ามและจับแยกได้ เล่นเอาถูกกัดซะจนเหวอะไปทั้งตัวด้วยความที่โกรธผสมแค้นที่ถูกรุม พี่ชายผมเลยจับสุนัขในกรงนั้นเชือดฆ่าเกลี้ยงเอาเลือดสด ๆ ที่ได้มาดื่มอย่างเอร็ดอร่อย แถมควักหัวใจสด ๆมากินแกล้มเหล้าเป็นที่สะอิดสะเอียน ด้วยความที่เป็นห่วงผมเลยเข้าไปพูดเตือนพี่ว่ามันไม่น่าดู เดี๋ยวลูกค้ามาเห็นเข้า เขาจะรังเกียจได้นะ แล้วยังมีแผลอีกควรไปหาหมอฉีดยากันบาดทะยัก หรือพิษสุนัขบ้า กันไว้ดีกว่านะ
พี่ชายผมกลับไม่ใยดีในคำเตือน เขาบอกว่าแผลเล็กน้อยแค่นี้ไกลหัวใจคนอย่างเขาดวงแข็ง หมากัดแค่นี้ไม่ตาย แถมยังได้ยาบำรุงกำลังชั้นเลิศอย่างเลือดสดและหัวใจสด ๆ แค่นี้ก็หายห่วง

ความหวั่นใจของผมเป็นจริงเมื่อเจ็ดวันให้หลัง พี่ชายเริ่มมีอาการตาขวางน้ำลายฟูมปาก แล้วก็ร้องโหยหวน และน่าประหลาดใจมากเสียงที่ร้องไม่ผิดกันเลยกับเสียงสุนัขที่พี่เขาเชือดต่อมาอาการเริ่มคลุ้มคลั่งรุนแรงขึ้นทุกทีทั้งกัดทั้งข่วนจากนั้นก็เริ่มทำร้ายคนที่เข้าใกล้โดยมีอาการเหมือนสุนัขบ้าที่จะเข้าไปกัดคนยังไงยังงั้น พี่ผมจึงถูกจับขังกรงไว้

จากนั้นพี่ก็เริ่มคลุ้มคลั่งมากขึ้นแกจะวิ่งเอาหัวชนกรงที่ขังจนหัวหูแตกยับเยิน เลือดไหลอาบเกรอะกรังมือไม้เหมือนกันตะกุยตะกายพื้นไปทั่ว พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่เห่าหอน ข้าวปลาไม่กินโดยเฉพาะน้ำ จะไม่กล้าเข้าใกล้เลย แกเริ่มหมดแรงเพราะร่างกายไม่มีอาหารหล่อเลี้ยงพอวันที่สี่ก็เริ่มนอนซมร้องครวญคราง แต่ก็ยังมีแรงวิ่งเข้าไปขย้ำคนที่เข้าไปใกล้ตามร่างกายมีแต่แผลทั้งที่เลือดยังซิบ ๆ และตกสะเก็ดยิ่งดูยิ่งเหมือนสุนัขขี้เรื้อนที่นอนรอความตาย

กระทั่งวันที่เจ็ดเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ลมหายใจของพี่ชายผมเริ่มจะแผ่วเบาก่อนจะกระตุกเฮือก 2 - 3 ครั้ง ผมเฝ้ามองดูจนแน่ใจว่าไม่รอด หมดลมหายใจแน่แล้วจึงได้เปิดประตูกรงแล้วเข้าไปหา ไปดีเถอะนะพี่ สิ้นเวรสิ้นกรรมเสียทีผมเอามือลูบหน้าให้ตาที่เหลือกโพลงของเขาปิดลงก่อนจะเรียกลูกเมียเข้าไปดูและจัดการเรื่องงานศพซึ่งก็เป็นไปอย่างเร่งรัดที่สุดเพราะสภาพศพแม้จะเพิ่งตายก็เหมือนตายมาหลายวันส่งกลิ่นเหม็นเน่า อีกอย่างลูกเมียเขาก็อยากให้มันจบ จบ ไปสักทีต่างคนต่างจะได้ไปใช้ชีวิตอิสระเสียทีตามทางของแต่ละคนเมียก็หอบข้าวหอบของไปอยู่กับชู้รัก ลูกก็ขอเงินแม่มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯลูกมือพี่ชายอีก 2 -3 คน หลังจากเห็นเหตุการณ์ถึงกับเตลิดหนีไม่หวนกลับมาทำงานอีกเลย

ผมเองก็กลับบ้านกลับไปอยู่กับลูกกับเมียเงินเปื้อนเลือดที่ได้มาก็เอาไปบริจาคทำบุญ เผื่อจะล้างบาปให้ตัวเองได้เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวชดใช้กรรมของผมเองบ้าง

จากคุณ :กรรมลิขิต ( ผู้นำมาเล่า )

Credite : http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?topic=68246.0%3Bwap2


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น